
คลิปที่ มิเคล อาร์เตต้า เคยวางแท็กติกตอนเข้าคอร์สสอบใบอนุญาตทำทีมเมื่อปีก่อนถูกนำมาเผยแพร่อีกรอบ โดยเขาแจกแจงบางประเด็นที่น่าสนใจ อย่างเช่นการไม่อยากให้ฟูลแบ็กผ่านบอลแบบไหนให้ตัวริมเส้นคนอื่น เป็นต้น
โลกอินเตอร์เน็ตเอาคลิปที่ มิเคล อาร์เตต้า เคยจัดแท็กติกในคอร์สเรียนเพื่อให้ได้ใบอนุญาตการทำทีม มาเผยแพร่กันอีกครั้ง หลังจากเป็นที่เชื่อกันว่าอดีตกองกลางชาวสแปนิชใกล้ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของ อาร์เซน่อล สโมสรชั้นนำแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
นับตั้งแต่ที่ อูไน เอเมรี่ โดนปลดออกจากการเป็นนายใหญ่ อาร์เซน่อล เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา อาร์เตต้า ก็กลายเป็นตัวเต็งลำดับต้นๆ ที่จะได้รับงานกุนซือคนใหม่ของ "ไอ้ปืนใหญ่" เพราะเดิมที อาร์เซน่อล ก็เคยสนใจที่จะเอาเขาไปคุมทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ ปี 2018 มาแล้ว และไม่นานมานี้ตัวแทนของ อาร์เซน่อล ก็ไปเจรจากับ อาร์เตต้า ถึงบ้านของเจ้าตัวเลย
ที่จริงแล้ว อาร์เตต้า ยังไม่เคยได้เป็นกุนซือของทีมชุดใหญ่แบบเป็นทางการกับทีมไหนเลย ส่วนตำแหน่งที่สูงที่สุดของเขาในงานด้านโค้ชคือการเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยเขาทำงานนี้มาตั้งแต่ปี 2016 จนทำให้หลายคนกังขาว่าเขามีดีพอที่จะรับงานนี้รึเปล่า และล่าสุดมันก็มีคนไปขุดคลิปที่เจ้าตัวเคยเข้าคอร์สสำหรับการทำใบอนุญาตการทำทีมเมื่อปี 2018 มาเผยแพร่ โดยคนที่เข้าคอร์สนี้จำเป็นต้องลองจัดแท็กติกด้วย เพื่อดูว่าพวกเขามีความรู้ด้านแท็กติมากน้อยแค่ไหน
ในตอนนั้น อาร์เตต้า ไปเข้าคอร์สกับสมาคมฟุตบอลเวลส์ ซึ่งเขาบอกถึงแท็กติกของตัวเองว่า "ผมขีดเส้นแบบนี้ขึ้นเพราะผมไม่ชอบให้มันเกิดพื้นที่แบบนี้ระหว่างนักเตะตรงริมเส้น ทำไมน่ะเหรอ ? ก็เพราะพอฟูลแบ็กผ่านบอลไปให้ตัวริมเส้นแล้วน่ะ คนที่เล่นเป็นตัวริมเส้นก็จะหันหลังให้กับลูกบอลพอดี จนทำให้เขาไม่สามารถขึ้นเกมบุกได้ บางคนจะมาประกบติดเขาจนแทบจะตีก้นกัน และเขาก็จะบุกขึ้นหน้าไม่ได้"
"เมื่อคุณทำแบบนี้, สร้างมุมแบบนี้ขึ้นมา คุณก็จะต้องรับบอลในรูปแบบนี้อยู่เสอม ปกติแล้วพวกเขาจะพยายามกดดันนิดหน่อย และในจังหวะที่โดนกดดันนั้นบรรดาตัวริมเส้นต้องรู้ทันทีว่าจะทำยังไงต่อไป อย่างตอนผมเองผมก็มักจะตั้งบอลเพื่อทำเกมทันที ผมอยากให้พวกตัวริมเส้นกระชากผ่านคู่แข่งให้ได้"
"ตอนที่เราขึ้นเกมบุก ผมก็อยากให้เซนเตอร์แบ็ก 2 คน และผู้เล่นเหล่านี้กระจายตัวและดันขึ้นสูง พวกเขาต้องพร้อมอยู่เสมอ เมื่อเราผ่านบอลไปทางฝั่งนี้แล้วน่ะ คนๆ นี้ก็ต้องมาอยู่ในจุดที่พร้อมช่วยทีม"
|